บริษัท มูฟฟาสท์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) จดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2558 เพื่อประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร

โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับฝากขายสินค้าประเภทต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และออนไลน์มาร์เก็ตเพลส (Online Marketplace) ต่างๆ รวมถึงให้บริการด้านการตลาด การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่งสินค้า การวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าและการขาย ให้แก่คู่ค้าของบริษัทฯ หรือเรียกว่า “Social Commerce Provider”

ประสบการณ์ ในการดำเนินธุรกิจ
ปี
ขายสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์
รายการ
ลูกค้าของเรา
ราย

บริษัทฯ จึงมีประสบการณ์ในการปิดการขายและมีข้อมูลการขายจำนวนมาก ในกลุ่มผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้บริษัทฯ สามารถนำประสบการณ์และข้อมูลด้านการขายดังกล่าวมาใช้วิเคราะห์เพื่อสร้างยอดขาย การบริหารจัดการงบประมาณทางการตลาด การบริหารจัดการด้านราคา และสามารถให้คำแนะนำกับคู่ค้าเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับสินค้าและแบรนด์ร่วมกันกับบริษัทฯ

วิสัยทัศน์

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำทางด้าน Social Commerce Provider เพื่อให้บริการเป็นผู้จัดจำหน่าย และให้บริการรับฝากขายสินค้า รวมถึงการให้บริการด้านการตลาดเพื่อสร้างยอดขายอย่างครบวงจร

พันธกิจ

เป็น One-Stop Service Social Commerce Provider ด้านการผลักดันยอดขาย โดยใช้ข้อมูลความสนใจส่วนบุคคลตามกลุ่มของลูกค้า และการสนทนาโดยตรงกับลูกค้า (One-on-One Conversation) มาวิเคราะห์ เพื่อคิดค้นกลยุทธ์เพื่อขยายช่องทางขาย การโฆษณา และการตลาด ทุกแพลตฟอร์มให้ตรงกับรูปแบบธุรกิจของแบรนด์คู่ค้า

เหตุการณ์สำคัญ

2566
  • เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท บีจี ไลฟ์ จำกัด (“BGLive”) โดยถือหุ้นจำนวน 1,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.00 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 0.19 ล้านบาท โดย BGLive ประกอบธุรกิจ Live Streaming โดยภายหลังบริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดจำนวน จำนวน 1,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.00 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 0.19 ล้านบาท ให้แก่นายธรรศภาย์ ชี เนื่องจาก BGLive ไม่ประสงค์เป็นบริษัทร่วมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขายลงทุนทั้งหมดใน BGLive ให้แก่นายธรรศภาย์ ชี ในเดือนกันยายน 2566
  • ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 มีมติสำคัญในเรื่องดังต่อไปนี้
    1. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทฯ จากหุ้นละ 100.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท
    2. อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 18.00 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 50.00 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 68.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
  • เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 บริษัทฯ ได้ว่าจ้างคุณอิงฟ้า วราหะ (หรือ อิงฟ้า Miss Grand Thailand) เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ Aelova ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ของบริษัท เอสเคเจ ซุปเปอร์ วิชั่นส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญ ในการทำการตลาดให้กับแบรนด์สินค้าที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2566 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 มีมติสำคัญในเรื่องต่อไปนี้
    1. พิจารณาอนุมัติแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ลาออก โดยเสนอให้แต่งตั้งนางสาวปวริศา ชุมวิกรานต์ แทน นายธรณินทร์ เกียรติชัย ที่ลาออกเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2566
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 9/2566 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 มีมติสำคัญในเรื่องต่อไปนี้
    1. พิจารณาอนุมัติการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนของบริษัทรวมถึงการอนุมัติการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจในการพิจารณาและดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของบริษัทฯ กับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2565
  • วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
  • บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ Aelova ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ของบริษัท เอสเคเจ ซุปเปอร์ วิชั่นส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยแบรนด์ดังกล่าวสามารถสร้างรายได้รวมให้แก่บริษัทจำนวนทั้งสิ้น 133.87 ล้านบาทตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นมา
  • บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการแต่งตั้งเป็นตัวแทนกับ Tiktok Pte. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ TikTok สำหรับใช้ในการสื่อสารและซื้อขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศไทย ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการด้านการตลาดบนและแพลตฟอร์มดังกล่าวผ่านทางบริษัทฯ ได้โดยตรง โดยบริษัทฯ จะได้รับค่าบริการจากลูกค้ารวมถึงส่วนลดจากการใช้บริการโฆษณาของแพลตฟอร์ม TikTok
2564
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 50.00 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน
2563
  • วันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยได้แก่ บริษัท เอสเคเจ ซุปเปอร์ วิชั่นส์ จำกัด ร่วมกับนายณัฐวุฒิ สกิดใจ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.00 เพื่อประกอบธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ “SKJ Proteoglycan” โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าวนับเป็นก้าวแรกของบริษัทฯ ในการจัดทำผลิตภัณฑ์สินค้าซึ่งบริษัทฯ เป็นเจ้าของ โดยบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเพิ่มการจัดทำผลิตภัณฑ์สินค้าและแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นที่น่าสนใจให้มากขึ้นอีกด้วยในอนาคต เพื่อเพิ่มยอดขายที่มาจากสินค้าของบริษัทฯ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผลิตภัณฑ์สินค้าจากคู่ค้าอีกด้วย
2562
  • บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดจำหน่าย และตัวแทนรับฝากขายสินค้าแบรนด์ J-Hair โดยสามารถสร้างรายได้รวมให้แก่บริษัทจำนวนทั้งสิ้น 35.74 ล้านบาท
2561
  • บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดจำหน่าย และตัวแทนรับฝากขายสินค้า อาทิ แบรนด์ My Whey, Number S และ LiV White Diamond โดยแบรนด์ดังกล่าวสามารถสร้างรายได้รวมให้แก่บริษัทจำนวนทั้งสิ้น 140.43 ล้านบาท
  • บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการแต่งตั้งเป็นตัวแทนกับบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ Line สำหรับใช้ในการสื่อสารและซื้อขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศไทย ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการด้านการตลาดบนแพลตฟอร์มดังกล่าวผ่านทางบริษัทฯ ได้โดยตรง โดยบริษัทฯ จะได้รับค่าบริการจากลูกค้ารวมถึงส่วนลดจากการใช้บริการโฆษณาของแพลตฟอร์ม Line
2559
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.00 ล้านบาท
  • บริษัทฯ ลงนามในสัญญาซื้อสินค้ากับ My Whey และ Schiller เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าซึ่ง นับเป็นก้าวแรกของบริษัทฯ ในการเริ่มต้นขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
  • คุณโตชิ ศิริจิวานนท์ รับโอนหุ้นจากผู้ร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 32.66 ส่งผลให้คุณโตชิ ศิริจิวานนท์ เป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 66.00
  • คุณพนิดา วิริยะกิจนุกูล รับโอนหุ้นจากคุณประภัสสร วิริยะกิจนุกูล (บุตรสาวของคุณพนิดา วิริยะกิจนุกูล) โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 33.00
  • คุณกนกพร คงสุวรรณ รับโอนหุ้นจากผู้ร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 1.00
2558
  • จัดตั้งบริษัทฯ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 1.00 ล้านบาท โดย (1) คุณโตชิ ศิริจิวานนท์ โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 33.34 (2) คุณพนิดา วิริยะกิจนุกูล โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 33.33 (ซึ่ง ณ ขณะนั้นใช้ชื่อบุตรสาว คุณประภัสสร วิริยะกิจนุกูล ถือหุ้นแทนและได้รับโอนหุ้นคืนในปี 2559) และ (3) ผู้ร่วมทุนอีก 1 ราย โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 33.33